วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เรื่องเล่าจากคืนวันอันแสนซวย


     เนื่องด้วยจากการที่ผมเป็นผู้ที่ "มีจิตรศัทธา" และขาย "วิญญาณ" ให้แก่ ผีสามง่าม "ปิศาจแดง" (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) มาตั้งแต่วัยยังล่ะอ่อน ว่าแล้ววันนี้ผมจะมาเขียนบทความถึงอะไรที่เกี่ยวกับ "ฟุตบอล" สักเล็กน้อย เพราะตอนนี้หากหลายท่านที่เป็นแฟนบอลตัวยงคงจะรู้กันดีว่า เวลานี้คือเวลาที่ "พรีเมียร์้ลีก" ฤดูกาลใหม่ (2011-2012)กำลังจะเดินทางถึงช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อของฤดูกาลแล้วนะครับ (ปลายปี 2011-ต้นปี2012)

     ว่าแล้วเราก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

     ย้อนกลับไปเมื่่อวันที่เท่าไหร่ผมเองก็ไม่ทราบ เพราะผมไม่ค่อยอยากจะจำมันสักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นวันที่ แมนฯยูฯ ของผมถูก "เจ้ายุโรป" คนปัจจุบันอย่าง "บาเซโล่น่า" สอนเชิงบอลแบบ "สิ้นสภาพนักศึกษา" ผม ตอนนั้นที่ห่ม "อาภรณ์" ของปีศาจสีแดง รู้สึกเจ็บซ้ำ และน้อยเนื้อต่ำใจถึงอารมส์ของผู้พ่ายแพ้อย่างรุนแรง

     อาการนี้ยังแสดงออกทางนายใหญ่ของค่ายปิศาจ 3 ง่ามอย่าง "ป๋าเฟอร์กี้" เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน อีกด้วย เพราะหากใครได้ดูการถ่ายทอดสดในนัดนั้นแล้วล่ะก็จะเห็นได้ว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ ป๋าแก "กำและเกร็งหมัด" อย่างรุนแรงพลางทำมือสั่น ยิกๆๆๆๆ เหมือนคนที่มี "อาการทางจิต" อย่างไรอย่างนั้น

     บางคนก็ว่า ป๋าแกแสดงออกถึงอาการ "คับแค้น และเคียดแค้นใจ" อย่างรุนแรงในรูปแบบของคนแก่อายุ 70 ปี

     บ้างก็ว่าป๋าแกคงหนาว.....

     แต่สำหรับตัวผม ผมคิดว่าป๋าแกคง "ปวดขี้" มากกว่าล่ะครับ เพราะอาการของแกเหมือนกับผมในเวลาที่ผมกำลัง "อั้นขี้" อย่างไงอย่างนั้นเลยครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

     มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่าครับ.........

     พลันหลังจากสิ้นสุดเสียงนกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน ผมลากตัวเองซึ่งอาการนั้นกำลังตกอยู่ใน "ภวังค์แห่งความเสียใจ" และมีอาการเหมือนคน "เซ็กส์เสื่อม" ซึ่งต่อให้นางเอกหนัง AV แดนปลาดิบอย่าง "โซระ อาโออิ" มาแก้ผ้าถ่างขาให้กูดู กูก็ไม่แข็ง!!!!!!!

     ผมเดินผ่านดง (ฝูง) สุนัขหลายตัวที่กำลัง "เห่าหอน" กันอย่างสบายอารมส์ ทั้งๆที่ทีมของตัวเองไม่ได้เข้าชิงแชมป์กับเขาเลยสักหน่อย (หลายคนคงจะรู้ว่าเป็นแฟนของทีมอะไร อิอิ)

     ผมเดินผ่าน ถนนสาย "ปล่าวเปลี่ยว" ด้วยอารมส์ที่ "เปลี่ยวปล่าว" ประกอบกับข้างทางที่ยังคงเสียง "เห่าหอน" ของฝูงสุนัขผู้รักใน "เป็ดสีแดง" อยู่ตลอดเวลา

     พลันใดนั้น ด้วยสายตาที่คมดุจดั่ง "เหยี่ยว" ของผม ผมได้หันไปเห็น เด็กหนุ่มกำลังในคราบสีเสื้อของ "ผีแดง" กำลัง "กระทืบ" สาวสวยผู้หนึ่งที่ใส่อาภรณ์ (น้อยชิ้น) ในคราบของ "บาเซโลน่า"

     ด้วยความที่เป็นคนดีที่ไม่เคย "ฝักใฝ่ความรุนแรง" บวกกับทนเห็นเพื่อนผีแดงด้วยกัน กระทำความรุนแรงต่อ สุภาพสตรี ไม่ไหว (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝ่ายหญิงที่ถูกกระทำ ดันอยู่น่า.... เหลือเกิน)

     เพราะงั้น ความเป็น "สุภาพบุรุษ" ในตัวผมเลยบังคับตีนของผมให้ "เดิน" เข้าไปห้ามทัพการบุกโจมตีของ เด็กหนุึุ่่มที่หน้าตาราวกับ "ตะกวดข้างๆวัดร้าง" ทั้งๆที่มันไม่ใช่ธุระห่าเหวอะไรของผมเลย

     ผมซึ่งไม่ค่อยชอบทาน "ใบสะระแหน่" แต่ก็ชอบที่จะ "สาระแน" ซะเหลือเกิน เดินไปบอกกับน้องหนุ่มผู้ มาดแมนแบบหมดแม็กว่า

     "ว่าเวลาน้ำท่วม สิ่งที่ทำเป็นคันกั้นน้ำได้ดีที่สุดก็คือ กระสอบทราย"  

     ถุย์!!!!!!! ไอ้บ้า  ผมได้พูดอย่างนั้นซะที่ไหนกันล่ะครับ ผมเพียงแค่เดินเข้าไปบอกกับน้องเขาว่า "มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ?....ค่อยๆพูดกันก็ได้ นะครับน้อง"

     เท่านั้นแหล่ะ เท่านั้นจริงๆ!!!!

     ด้วยความหวังดี (และกะจะโชว์ความเป็นยอดคนสุภาพบุรุษต่อหน้าหญิงแสนสวยที่ถูกทำร้าย) ผมได้พูดไปเท่านั้นจริงๆ ก่อนที่ไอ้เด็กหน้าตาไม่ได้แตกต่างจาก "ปลากะโห้" สักเท่าไหร่ หันกลับมาเห่าใส่ผมว่า

     "มรึงเสือกอะไรของมึงวะ?"

     อ้าว ไอ้เชี่ย!!!.....นี่ กรู "หวังดี" นะโว้ยถึงได้เข้ามาห้ามทัพสหบาทาที่พุ่งใส่หน้าของน้องเขา แต่ความหวังดีของกรูกลับไม่มีผลอะไรกับคนที่หน้าตาเหมือน "ปลากะโห้" ไม่พอ แต่ยังดึงดูด สัตว์น้ำที่เรียกว่า "ปลาตีน" อีกต่างหากอย่างมรึงเลยเรอะ?

     ว่าแล้วมันก็ทำหน้าไม่พอใจและทำท่าจะเอาตีนมามันยัดเยียดให้ผมกิน ผมก็สวนออกไป (ด้วยคำพูด) ว่า

     "ไม่หรอกครับน้อง พอดีนึกว่าน้องมีเรื่องกัน ก็เลยจะเข้ามาห้ามน่ะครับ"

     "ใครใช้ให้มรึงมาวะ?"    แน่ะ มันยังมีแถม

     อ้าว ...  ไอ้น้องคนนี้มันยังคงกวนตีนไม่เลิกครับ และท่าทางตอนนี้มันจะเบนเข็มมาเล่นงานผมด้วยอีกคน

     เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงต้องโชว์ความ "แมน" อย่างเต็มที่ด้วยการ หยุดพูดกะไอ้หน้าปลากะโห้ แล้วหันมาพยุงน้องผู้หญิง ที่อยู่ในสภาพนุ่งน้อยห่มน้อยให้ลุกยืนขึ้นมา

     สารภาพตามตรงนะครับ ว่าน้องคนนี้จัดอยู่ในประเภท "อู๊ย ซี๊ด~~~~~" เลยที่เดียวเชียวครับ ซึ่งอรมส์นั้นที่ผมเห้นน้องเขายืนขึ้นมา ผมนึกถึง "หนังเรท X" ขึ้นมา ในท่วงท่าที่พระนาง กำลังจะ "สำเร็จวิชาตัวเบาพอดีเลยล่ะครับ"

     "น้องเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ?" คือคำถามแรกที่ผมถามเจ้าหล่อนไป

     สาวนางนั้นหันมาแลวพูดกับผมว่า   "พี่มาเสือกอะไรกับเรื่องผัวเมียของชาวบ้านเขาคะ"

     !!!!!!!!!! ผมตกใจเป็นภาษาฮ่องกง อย่างจัง ก่อนความคิดที่ว่า "อ้าวเชี่ย นี่กรูมายุ่งเรื่องชาวบ้านเหรอเนี่ย?"จะตามมาติดๆกับอาการ "ตกใจ"

     ................

     ...............................

     อายสิครับงานนี้ อายจนแทบเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีกันเลยทีเดียว  ว่าแล้วผมก็รีบผละออกจากสถานที่เกิดเหตุโดยไม่ต้องรอให้ (ไอ้) 2ตัวนั่นมันพูดห่าเหวหอกหักอะไรใส่ผมอีกก่อนจะใส่ "เกียร์หมา" เต้มตีนเตี่ย วิ่งหายวับเข้าไปในความมืดราวกับ "ผีเดินทะลุต้นไม้"

     ก่อนจะมาคิดทีหลังว่า วันนี้ผมช่าง "ซวยมหาซวย" อะไรเช่นนี้

     ว่าแล้วนิทานที่ผมได้ประสบณ์กับตัวเองมามันสอนให้ผมได้รู้อะไรบางอย่างล่ะครับ




"กรุณาอย่าสาระแนเรื่องของชาวบ้านเขา"





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น