วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เอ่อ...อย่าไว้ใจพ่อสื่อ

     ด้วยความที่เกิดมาหน้าตาไม่ดี แต่ดันอยากมีแฟนสวยระดับนางงามมันก็เลยต้องมีการลงทุนกันสักเล็กน้อย (ซึ่งจริงแล้วก็ไม่น้อย)

     ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ "ตัวเล็ก" (นานสมมุติ) เพื่อนของผมชอบนักชอบหนา กับการที่จะชื้อของแพงๆให้กับคนที่เขาหมายตา

     เหตุเพราะเจ้าตัวเล็ก หรือที่ผมชอบเรียกมันบ่อยๆว่า คนเล็กของเล่นใหญ่ มีอายุอานามเพียงแค่ 16 ปี ผมจึงถือว่ามันยังคงเป็นคนที่ไม่ค่อยเจนจัด ในเรื่องของ "ความรัก" สักเท่าไหร่

     ไอตัวเล็กแล้วจริงๆหน้าตามันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดที่ว่าต้องยกไปเปรียยบเทียบกับ ตะกวด แถวๆป่าชายเลนหรอกครับ แต่หน้าของเขาดันเกิดอาเพศอย่างร้ายแรงที่ วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า "สิว" ขึ้นราวกับดอกเห็ด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันเพิ่มความขี้เหร่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

     ถ้าขึ้นสักเล็กน้อยเพื่อแสดงให้ชาวโลกรู้ว่า ตัวเล็กเป็นหนุ่ม แล้ว เหมือนกับคนทั่วๆไปคงไม่เท่าไหร่ แต่นี่เล่นขึ้นชนิดที่ว่าแทนรูขุมขนเลยก็ว่าได้

     จัดว่าตัวเล็กมันคงจะ "เงี่ยน "หนักไปหน่อย เลยทำให้เกิด "สิวเงี่ยน" เฮ้ย...ไม่ใช่ "สิวเสี้ยน" มากกว่าชาวบ้านชาวเช่าเขา

     ผมเลยแนะนำมันบ่อยๆว่า หัดเข้าห้องน้ำกับแม่นางทั้ง 5 บ้างก็ดีนะ ตัวเล็ก ฮ่าฮ่าฮ่า

    นอกเรื่องมาไกลแล้ว กลับเข้าเรื่องดีกว่า

     เมื่อวันก่อน เพื่อนสุดหล่อของผมคนนี้ดดันไปหมายตาผู้หญิงที่จัดอยู่ในประเภท "ชุดใหญ่" คนหนึ่งเข้า ว่าแล้วไอตัวเล็กก็เกิดอาการราวกับคนถูกผีเข้าแล้ววิ่งมาบอกกับผมซึ่งตอนนั้นผมยังมียศเป็น "พี่บอล" อยู่เลย

    "พี่บอล ทำไงดี ผมชอบผู้หญิงคนนั้นน่ะ เห็นแล้ว เป็กฯเลย ทำไงดี พี่บอลขอเบอร์ฯ ให้ผมหน่อยได้มั๊ยวะ?"


     มันพูด พร้อมทั้งทำจมูกบานเข้าบานออกด้วยความไวปานกลาง ราวกับหื่นกระหาย อะไรอยู่ก็มิทราบ

     ผมยืนงงก่อนตอบกลับเขาไปด้วยสำเนียงทองแดงว่า "ทำไมต้องกู มิทราบ?"

     มันทำหน้าอ้อนวอนแล้วพูดว่า "น่า พี่บอล คุณช่วยผมหน่อยไม่ได้รึไงวะ  เดี๋ยวเวลาคุณมีปัญหาผมก็จะได้ช่วยคุณมั้งไงล่ะ"

     ขอโทษเหอะ ผมอยากจะตะคอกใส่หน้ามันเหลือเกินว่า "คนอย่างมรึงเนี่ยนะจะมาช่วยกรูได้ ไอ้หอกหัก" พลางคิดจะปฏิเสธ คำขอร้องของเจ้าตัวเล็กมัน

     แต่ในใจผมกลับนึกคิดขึ้นมาได้ว่า หากเราขอเบอร์ฯคนนี้ แล้วหล่อนให้เรามาจริงๆก็แสดงว่า เราเองก็มีสิทธิ์ที่จะขอเบอร์คนอื่นได้ด้วย เพราะอนงค์นางคนนี้เป็นคนที่จัดอยู่ในประเภท "สวยลากไส้"

     ขนาดสวยๆอย่างงี้เขายังเอาเบอร์ฯ ให้กรูเลย และผู้หญิงคนอื่นๆจะเหลือเหรอวะ

     น่าน~ ว่าเข้าไปนั่น ฮ่าฮ่าฮ่า

     สุดท้ายผมก็เลยขอเบอร์ฯ น้องคนนั้นให้ตัวเล็กโดยที่ไม่บอกว่าขอให้ใครและขอไปทำไม ผมเพียงแค่เข้าไปพูดว่า

     "เอ่อ...คือว่านะ ไม่รู้อะไรดลใจให้เรามาทำแบบนี้นะ แต่ขอเบอร์โทร์ ของเธอหน่อยได้มั๊ยอ่ะ?"

     ว่าเท่านั้นล่ะครับ หล่อน หัวเราะ ก๊ากออกมา พลางมองมาที่ผมเหมือนตัวตลก

     แห้วแน่ๆ งานนี้ แห้ว ล้านเปอร์เซ็น ผมคิดในใจ ก่อนที่ผมจะอึ้งกับการกระทำต่อมาของหล่อน

     คุณเธอบอกเบอร์ของหล่อนออกมาอย่างรวดเร็ว ราวกับ ท่องคาถาไสยศาสตร์ ก่อนจะขึ้นซ้อนท้าย มอร์ไซฯ ไปกับเพื่อนผู้หญิงที่มาด้วยกันอย่างรวดเร็วราวกับผู้หญิงที่เขินอาย

     ผมรีบจดจำเบอร์ฯพร้อมทั้ง เม็มฯ ลงโทรศัพท์ ของผมอย่างรวดเร็วไม่แพ้การบอกเบอร์ ของหล่อน ก่อนจะเดินทางเอาเบอร์อันเดียวกันกับที่ผมเม็มฯลงโทรศัพท์ของผมเอาไปให้ ไอตัวเล็ก

     มันยิ้มก่อนจะถามผมว่า "พี่บอลบอกเขาว่ายังไงอ่ะ"

     ผมยิ้มที่มุมปากก่อนบอกมันว่า "ก็บอกว่า มรึงให้กรู มาขอเบอร์ให้ เท่านั้นแหล่ะ"

     ครับ   ผมโกหก แต่ตัวเล็กมันเหมือนจะสบายใจ พร้อมกับเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม ผมจึงรีบบอกมันก่อที่มันจะเดินลับสายตาไปว่า "มรึงรีบโทรไปเลยดิ"

     ว่าแล้ว อีก 20 นาทีต่อมามันเข้าไปโทรศัพท์ หาหล่อนในห้องน้ำ โดยที่มีผมแอบฟังอยู่ข้างนอก (ไม่รู้มันแอบเล่นว่าวด้วยรึเปล่า)

     ผมเข้าใจ(เอาเอง)ว่า มันคงจะรู้ความจริงจากปากของเจ้าเหล่อนที่ให้เบอร์มาว่าจริงแล้วผมขอเบอร์เจ้าหล่อนเก็บไว้เอง หล่อนก็เลยให้มา

     นั่นหมายความว่าอย่างไร ขนาดควายยังรู้ลยครับ

     นั่นหมายความว่า จริงๆแล้วเเจ้หล่อนไม่ได้ให้เบอร์มาเพราะ พิศวาสไอตัวเล็ก และ ผม ซึ่งมันนับถือเป็นพี่ กำลงัจะ หักหลังมัน (กรูไม่ทำหรอกน่า)

     หลังจากนั้นมันก็ออกมาจากห้องน้ำและเห็นผมที่ยืนอยู่แถวๆนั้นพอดี (ไปแอบฟังมัน) ก่อนที่มันจะตะคอกเสียงคำรามราวกับ สิงโตจะกินตัวเด็กว่า

"ไอเชี่ย....บอลลลลลลลล"


(เอ่อ....ตอนนี้ยศผมตกจากพี่บอล กลายมาเป็น "ไอ้เชี่ยบอล" ไปแล้วครับ)

  

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คนขี้เหร่ มัก มีแฟนสวย

     หากพูดถึงคนสวย ผู้ชายอย่างเราๆ ใครมั้งจะไม่ชอบ

     ยิ่งถ้าได้แฟนเป็นคนสวยๆ ระดับที่เรียกได้ว่า "นางเอกหนังยังอาย" แบบนี้ล่ะก็ถือว่ากำไร 2 เด้งเลยนะครับ

     ทั้งได้แฟนสวย ทั้งทำให้ผู้ชายด้วยกันอิจฉาตาร้อนผ่าวๆ ได้ด้วย

     เพื่อนผมคนหนึ่งครับ แฟนมันต้องขอบอกว่าอยู่ในระดับที่ "สวยบรรลัยกัลล์" ขนาดน้องแพนเค้กยังอายเลยครับ

     หลายๆคนอาจจะนึกว่าเพื่อนผมคนนี้จะต้องหล่อลากดิน กินข้าวแกงราวกับ โดม ปกรณ์ ลัม แน่นอนเลยใช่มั๊ยครับ

     แต่ในทางกลับกันครับ เพื่อนผมคนนี้มีหน้าตาราวกับ "สุนัขที่เอาหน้าของตัวเองไปให้รถ 10 ล้อเหยียบมาแล้ว 10 รอบ" หรือ "หน้าราวกับปลาดุกถูก ทุบหัว" แล้วยังไงยังงั้น

     พูดง่ายๆคือ ขี้เหร่ครับ ไม่ใช่ขี้เหร่ธรรมดานะครับ

     ขี้ 2เหร่ เลยล่ะครับ (คือมันหนักกว่าขี้เหร่แล้วน่ะ)

     คิดดูนะครับ คิดดูเล่นๆว่าหากคุณเห็น ผู้หญิงที่สวยระดับ นางเอกหนัง AV แดนปลาดิบเดินเคียงคู่กับชายหนุ่นที่หน้าตาราวกับ ตัวโกงในหนังไทยก่อนข่าว 1 ทุ่มทางช่องฟรีทีวีช่องหนึ่งและเป้นหน้าของตัวโกงหลังจากที่โดนพระเอกกระทืบหน้าจนยับเยินหมดแล้วนะครับ

     มันคงไม่แตกต่างกับการที่ คนสวยๆพาน้องหมาพันธุ์ "บลูด็อก" ออกมาเดินเล่นตามสวนสาธารณะ

     แถมเท่านั้นไม่พอ พวกเขายังครองรักแบบ "ฮาร์ดคอร์" มาได้เกือบ 1 ปีเต็มแล้วล่ะครับ

     จะว่าเพื่อนผมคนนี้รวยมันก็ไม่ใช่ เพราะฐานะทางบ้านของมันนั้นก็ ปรกติ (คือมีจะแด๊กส์สักเล็กน้อยน่ะครับ)

     เพราะงั้นนี่จึงอาจจะแสดงให้เห็นว่า เพื่อนผมเอาชนะใจสาวสวยนางนี้ด้วยสิ่งที่ใครๆเขาเรียกกันบ่อยว่า "รักจริง" (หวังอึ๊บ)

     เคยมีคนบอกไว้นะครับว่า ไอพวกคนหล่อๆน่ะ มันถือว่ามันหล่อ มันเลยเลือกได้ คิดว่าไงซะผู้หญิงก็ต้องเป็นฝ่าย ยอม และ วิ่งเข้ามาหาเอง โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องลำบากอะไร

     ว่าง่ายๆคือ ในเมือกรูหล่ออยู่แล้ว เลิกมรึงเดี๋ยวกรูก็หาใหม่ได้

     อันนี้ไม่ได้ว่าคนหล่อทุกคนหรอกนะครับ บางคนก็เป็นที่ยกเว้น อย่างเช่น ผมเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า

     แตกต่างกับไอพวกขี้เหร่ หรือ ขี้ 2 เหร่ คือคนพวกนี้หน้าตาไม่ดี ก็ต้องเอาอะไรที่จะมาเป้นจุดเด่นแทนหน้าตามาช่วยในการหาผู้หญิงมาทำแฟน

     ว่าแล้วคนพวกนี้ส่วนมาก จริงมีความทุ่มเท และ มุ่งมั่นมากกว่า คนหน้าตาดีๆ 2 เท่า

     ลองคิดดูนะครับ หากเราหน้าตาเหมือนปลากะโห้แล้ว ดันมีนิสัยเหมือนปลาตีน (กวนตีน) อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลยครับ ตัวเมียที่ไหนก็ไม่เอามรึงไปทำผัวหรอกครับ จริงมั๊ย?

      ว่าแล้วอาจจะด้วยเหตผลนี้รึไงไม่ทราบ จึงทำให้คน ขี้เหร่ส่วนมาก มักจะมีแฟนสวยๆ และคบกันค่อนข้างนาน (อันนี้ไม่นับ เสี่ยๆ หน้าตาอุบาทๆนะครับ เพราะส่วนมากผู้หญิงที่มาคบคนพวกนี้น่าจะหวัง อะไรมากกว่าความรัก อันนี้ผมก็มิอาจทราบได้เช่นกัน)

     แหม...เห็นแล้วไอพวกคนหล่อๆน่าจะเอาแบบอย่างนะครับ ถ้าทั้งหล่อทั้งรักจริงเนี่ย ผู้หญิงที่ไหนจะไม่ชอบ (แต่ส่วนมากผู้ชายที่หล่อและรักจริง จะไม่ใช่ชายแท้น่ะสิ เหอเหอ)

     เหมือนกับที่มีคนเขาพูดกันบ่อยๆน่ะแหล่ะครับว่า "คนหน้าตาไม่ดี มักจะคู่กับคนที่หน้าตาดี" "ขี้เหร่มักจะคู่กับคนสวย" และ " ไม่สวยมักจะคู่กับคนหล่อ"

     ใช่ครับ ของอย่างงี้ต้องดูกันที่หัวใจไม่ใช่หน้าตานะครับ (แต่ขอดูหน้าตาหน่อยนึงก็ยังดีนะ)

     เออ...แล้วถ้าเป็นคุณล่ะครับจะเลือกแบบไหน หระว่าง "หล่อแล้วได้แฟนขี้เหร่" กับ

"ขี้เหร่แล้วได้แฟนสวย"

ถ้ากูเกิดมาเลือกได้....

     ตอนนี้ผมทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งเป้นงานที่คนส่วนมาก ทึกทักเอาเองว่าเป็นงานที่ค่อนข้างจะไร้เกียรติ

     ย้อนกลับไปเมื่อประมาณตอนเรียน ม.ปลาย ผมเป็นเด็กที่เรียนค่อนข้างที่จะใช้ได้ คะแนนสอบได้สูง เรียนรู้เรื่อง แต่เรื่องที่เสียหายที่สุดคือ....ผมเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว

     หลักฐานคือ คะแนนเก็บจากการทำงาน หรือรายงานส่งครูแทบจะไม่มีเลยสักวิชา

     มาตอนนี้สิ่งที่ผมอยากจะกลับไปแก้ไขให้มากที่สุดคือเรื่อง "การเรียน" ของผมนี่แหล่ะครับ

     ผมเชื่อว่า ตัวผมเองในตอนนี้ถ้าไปเรียนอีกครั้งหนึ่งอย่างน้อยๆผมต้องจบมา และมีงานทำที่ดีกว่าเด็กเสิร์ฟแน่นอน ความรู้ผมอาจจะมีเท่าๆคนทั่วไป หรืออาจจมากกว่าคนอื่นๆที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ผมยังถูกมองว่าเป็นแค่คนที่ไม่มีความรู้เพราะผมจบเพียงแค่วุฒิฯ ม.6 เท่านั้น

     ทั้งๆที่จริงๆผมคิดว่าผมไม่โง่ แต่ผมเพียงแค่ไม่รู้(เพราะตอนเรียนดันไม่เรียน)

     ถึงตรงนี้ผมอยากจะบอกกับทุกๆคนที่มีโอกาสที่จะเรียนอยู่....อย่าทำตัวเหมือนผมเลยครับ ถึงผมจะไม่เคยเหลวแหลก แต่การขี้เกียจมันก็เหมือนกันการฆ่าตัวเองอย่างช้าๆ รอเวลาที่คุณจะกลายเป้นคนไร้ค่า ถึงตรงนี้สำหรับคนบางๆ การถูก "ดูถูก" เรื่องการศึกษานั้น การด่าให้ไปตายยังจะฟังเสนาะกว่าด้วยซ้ำ

      ไม่เป็นไรครับ ถึงยังไงเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่สายที่จะเริ่มต้น

      ผมเองก็เช่นกันครับ อาชีพเด็กเสิร์ฟอาจจะเป็นอาชีพที่ต่ำต้อย (ในสายตาของคนบางคน) แต่จะทำไมครับในเมื่อมันทำเงินให้ผมได้ตั้งเดือนล่ะ 9,000 ถึง 10,000 บาทต่อเดือน ผมทำงานอย่างหนักเพื่อที่สักวันหนึ่งจะผมยืนขึ้นมาได้ในสังคมที่ทุกคนยอมรับ

     และที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดคือ ผมยืนขึ้นมาได้ด้วย "ขาของตัวผมเอง"

     คนเราทุกคนเกิดมาก็มีความเลื่อมล้ำกันทางวาสนาอยู่แล้วนะครับ เหมือนที่เขาบอกว่า "แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญ แข่งวาสนานั้นแข่งกันไม่ได้"

     ครับ ยอมรับเถอะครับว่ามันจริง

     ถ้านับ หลัก 100 กิโลเมรตเป็นเส้นชัย

     คนบางคนอาจจะเริ่มต้นที่ 20 กิโลฯ  บางคนอาจจะเริ่มต้นที่ 40 กิโลฯ หรือดีไม่ดีบางคนอาจจะเริ่มที่ 60 กิโลฯ เลยก็ได้นะครับ แต่สำหรับผม ผมเริ่มต้นที่ประมาณ -40 กิโลฯ เห็นจะได้มั้งครับ

     เพื่อนๆผมบางคนอาจจะบอกว่าผมนั้นรวย (ตอนเด็กๆผมก็ค่อนข้างที่จะรวยจริงๆ) แต่นั่นมันเป็นสายตาของคนภายนอก

     ผมเกิดในครอบครัวที่พ่อติดการพนัน ติดผู้หญิง และไม่รู้จักทำมาหากิน คิดดูง่ายๆครับ หากมีลูกอยู่ 12 คน และต้องเลี้ยง ลูก 12 คน (กับเมียอีก4) ให้เติบโตได้ มันต้องใช้เงินสักเท่าไหร่

     ตลอดมาผมซึ่งทางพ่อแม่มองว่าผมเป็นคนดูแลตัวเองได้ตลอดเวลา พวกท่านเลยไม่ค่อยที่จะ เอาใจใส่ผมเท่าที่ควร ยกเว้นเรื่องการส่งเสียด้านการเรียน (ซึ่งผมดันไม่เรียนเอง) เลยทำให้ท่านให้ผมได้ไม่มากเท่ากับให้คนอื่นๆ ซึ่งเหตผลอันนี้ผมก็เข้าใจ และไม่เคยคิกจะมา พิรี้พิไร เลยสักครั้ง

     นั่นยิ่งดีไปใหญ่ เพราะวันหนึ่งผมจะภูมิมากหากผมยืนขึ้นได้ด้วยขาตัวเอง ภูมิใจมากกว่าคนที่เกิดมาแล้วเริ่มต้นที่ 20 , 30 หรือ 40 กิโลเมรต และผมเชื่อว่าสักววันหนึ่งผมต้องยืนขึ้นด้วยขาตัวเองได้

     ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน ต่อให้ลำบากอย่างไร และต่อให้ต้องล้มอีกกี่ครั้ง ถูกคนรอบข้างดูถูกอีกกี่ครั้ง ผมก็จะไปให้ถึง หลักร้อยกิโลเมรตให้ได้

     ว่าแล้วผมนึกถึงวลีๆหนึ่งที่ผมมักได้ยินบ่อยๆทั้งตอนเป็นเด็ก และตอนนี้นั่นคือ "คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้"

     ครับ ใช่ครับ เลือกที่จะเป็นได้ แต่สำหรับผม มันไม่จริงทั้งหมด

     สำหรับผมแล้ว คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้


"ถ้าคุณมีความพยายาม"



อย่าให้ความขี้เกียจของคุณในตอนนี้ทำลายอนาคตทั้งหมดของคุณเลยครับ

วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สวยกินไม่ได้

     "ว้า~~~ย อยากได้อ่ะ ตะเอง อยากได้อ่ะ อยากได้ บิ๊กอายส์ นั่นจังเยย"


     นี่คือเสียงร้องของอดีตแฟนผมคนหนึ่งที่เคยร้องบอกว่าอยากได้บิ๊กอายส์ หรือไอ้สิ่งที่ทำให้ตาคนเป็นเหมือนไข่ห่านมาไว้ในครอบครอง

     แหม~อยากจะบอกเหมือนกันนะครับว่า "มึงจะเอามาทำซากอะไรมิทราบ เพราะทั้งห้อง มีแต่บิ๊กอายส์ของมึงจนจะเปิดร้านขายมือ 2 ได้แล้วนะเนี่ย" แต่คงพูดไม่ได้หรอกครับ เพราะเดี๋ยวเธอจะตบผมหน้าคว่ำเอามันคงไม่ใช่เรื่อง

     ว่าแล้วผมก็พูดเกลี้ยกล่อมคุณเธออยู่นานสองนานประมาณว่า อย่าเอาเลย มีเยอะแล้ว มึงจะชื้อหาป้ามึงเหรอ (เอ่อ...อันสุดท้ายนี่ ไม่ได้พูดหรอก) จนท่าทีคุณเธอเปลี่ยนไป

    ผมหลงดีใจนึกว่าเธอจะหยุดเรียกร้องเอาเจ้าบิ๊กอายส์นั่นสักที ที่ไหนได้ เธอร้องไห้แล้วพูดว่า "ตะเองๆไม่รักเค้าแย้วชิมิล่ะ ถึงมิยอมชื้อให้เค้าน่ะ"

     อ้าว หอกหักอะไรอีกล่ะครับงานนี้ คุณเธอร้องไห้ราวกับคนสนิททางบ้านกำลังจะมีอันเป็นไปซะอย่างงั้น

     สุดท้ายผมก็เลยต้องยอมควักเงินในกระเป๋าอันกระจิ๊ดริ๊ดของผมชื้อ บิ๊กอายส์ห่าส์แด๊กส์ให้เธอ 1 คู่ มูลค่าเบ็ดเสร็จ 300 บาท

    มึงรู้มั๊ย 300 บาทกูอยู่ได้ตั้งเกือบอาทิตย์ แต่ดันมาหมดกับห่าเหวอะไม่รู้

     บอกตรงๆนะครับ อดีตแฟนผมคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างจะหน้าตาดี (เขาถึงพูดกันไงว่า คนสวยมักได้แฟนขี้เหร่ ฮ่าฮ่า) ผมไม่เข้าใจจริงครับ เพาะปรกติ เธอไม่ต้องแต่งหน้า ไม่ต้องประดับประดา ไม่ต้องใส่ของราคาแพงๆ และไม่ต้องใส่บิ๊กอายส์ห่าเหวอะไรนั่นเธอก็สวย และดูมีคุณค่าพออยู่แล้วล่ะครับ

     ทำไมต้องมาทำอะไรที่มันดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ด้วย อันนี้ก็ไม่ทราบ

     ไม่ใช่ว่าไม่ยอมให้ชื้อ หรือไม่ชื้อให้ แต่ให้มันพอดีๆ หน่อยน่ะครับ

     ดูเหมือนคุณเธอจะสะกดคำว่า "พอเพียง" ไม่เป็นเลยนะครับ ตกภาษาไทยมาหรืออย่างไรก็มิอาจทราบ

     จากเดิมที่สวยอยู่แล้ว พอประดับของพวกนี้เข้ากับตัว ผมไม่รู้ว่าเธอสวยขึ้นรึเปล่านะครับ แต่สำหรับผมแล้ว คุณค่าของเธอมันตกลงทันที

     คนสวย อยู่ที่ไหน ใส่อะไร ทำอะไร มันก็สวย ต่อให้นั่งขี้กลางสี่แยกไฟแดง คุณก็ยังคงสวย แต่คนอื่นๆอาจจะมองว่าคุณเป็น "คนประสาทแด๊กส์ที่หน้าตาดี" ก็เท่านั้นล่ะครับ

     ไม่ต้องหาชื้อของตามยุคสมัยแบบเอาเป้นเอาตายขนาดนั้นเลยก็ได้ เอาเท่าที่พอดีๆก็พอดีแล้วล่ะครับผมว่า

     ตอนเด็กนะครับ สเป็กผู้หญิงในฝันของผมนั้นไม่ต่างจากนางเองหนัง AV ของแดนปลาดิบเลยครับ ต้องสวย น่ารัก สดใส คิกขุอาโนเนะ ร่างบอบบาง ขาวสวย หมวยพอดีๆ หน้าอกไม่ต้องโตมากก็ได้ ( แต่หลังมานี่ เน้นหน้าอกหน่อยนึงนะ ฮ่าฮ่า)

     แต่มาตอนนี้ (25 ปี) ผมขอให้คนรักของผม หน้าตาดูดีหน่อยนึงก็ได้ (ไม่ใช่ดูไม่ได้เลยนะ) ไม่ต้องบอบบางมากนัก จ่ายเงินต้องเป็น เป็นผู้หญิงที่รู้จักโต และที่สำคัญต้องเข้าใจตัวเราด้วย

     ไม่ใช่ว่าเห็นคนสวยแล้วจีบดะ กะเอาทำเมีย อย่างเดียวมันคงจะเป็นอะไรที่เรียกว่าไม่ Work หรอกครับ

     ถามว่าอยากมีแฟนสวยมั๊ย?   บอกตามตรงว่าอยากมี

     แต่ถ้านิสัยของคนสวย (อันนี้ผมไม่ได้หมายถึงคนสวยทุกคนนะครับ) เป็นแบบนี้ผมก็ไหวเหมือนกันครับ

     สวยอย่างเดียวจะเอาไปทำไมครับ เพราะ

"สวย กิน ไม่ ได้ สัก หน่อย"

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สักวันเธอคงจะรู้สึก

     ไม่เคยคิดเลยนะครับว่าคนเราจะเป้นได้ถึงขนาดนนี้ ผมเคยมีความรัก และตอนนี้ก็กำลังมีความรัก แต่เหตไฉน อันใดเลยผมไม่รู้ ความรักของผมกำลังจะจืดจางลงทั้งๆที่ เรา 2 คนก็เป็นเหมือนเดิม เป็นคนๆเดิมที่รักกันและ ที่เคยรักกัน

     เพราะงั้น ผมงง จริงๆครับ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเรา 2 คน หรือไม่ก็อาจจะเกิดขึ้นกับคนรักของผมเพียงคนเดียวก็ได้ครับ

     เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับแฟนใช้ชีวิตอยู่ด้ยกันมา 5 ปี อดๆอยากๆ มีทุกข์ มีสุข มาด้วยกันตลอด เรียกได้ว่าใช้ชีวิตเหมือนกับสามีภรรยากันเลยทีเดียว ขาดเพียงแต่ใบทะเบียน "สมรส" เท่านั้นล่ะครับ

     การกระทำของแฟนผมเท่าที่ผ่านมา เรียกได้คำเดียวครับว่า "คู่ชีวิต"

     เพราะอย่างที่บอก เธอร่วมทุกข์ ร่วมสุข กับผมมาตลอด

     แต่มาเมื่อปลายปีที่แล้ว (2553) เกิดอะไรขึ้นกับแฟนผมก็มิอาจจะทราบได้

     มันเล่นหนีหายไปเฉยๆ ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 5 ปีแล้ว

     ผมโทรไปจึงได้รู้ว่าแอบไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่ใช่แอบธรรมดานะครับ เขาแอบไปเที่ยวตั้งเดือนครึ่ง แหม แบบนี้คงเรียกแอบเที่ยวไม่ได้หรอกครับ เขาเรียกเที่ยวแบบหน้าด้านๆ มากกว่า

     และทุกครั้งที่เงินของแฟนผมหมด เธอก็จะโทรมาขอที่ผม ส่วนตัวผมก็ส่งให่เธอทุกครั้ง โดยไม่ขัดศัธทา (หลายๆคนบอกว่าผมโง่)

     เมือ่วันที่ 1มกราคม แฟนผมกลับมาและอยู่กับผมได้เพียง 7 วัน เธอก็ไปเที่ยวอีกโดยให้เหตผลว่า"พี่สาว(ไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ)ขอร้องให้ไปเที่ยวเป้นเพื่อนแก"       ทั้งๆที่พี่สาว(ที่ไม่ใช่พี่แท้ๆ)ไปกับผัวของเขาน่ะหรือครับ    แหม....เหตผลแบบนี้ ควายยังไม่อณุญาติให้ไปเลยครับ

     แต่เผอิญผมดันโง่กว่าควายรึไงไม่ทราบ อณุญาติให้เมียไป

     และเหมือนเช่นเคย ทุกครั้งที่ เงินเขาหมดเขาจะโทรมาหาผม และให้ผมโอนเงินไปให้

     จริงๆแล้วผมไม่โง่หรอกนะครับ ผมรู้แล้วว่าแบบนี้มันหมายถึงอะไร และอนาคตผมกับเธอ มีแนวโน้นจะเป็นอบ่างไร

     แต่สิ่งที่บอกให้ผมทำแบบนั้น สิ่งที่บอกให้ผมทำดีกับเธอต่อไปก็คือ

     สิ่งที่เรียกว่า "ความรัก" และ "การร่วมทุกขร่วมสุข" ที่พวกเรา 2 คนเคยผ่านกันมาถึง 5 ปี

     ถึงมันจะไม่มากไม่นาน แต่คุณลองถามตัวเองซิว่า ถ้าหากคุณนอนเคียงคู่กันมาทุกคืน เป็นเวลา 5 ปี ผ่านชีวิตมาด้วยกัน ทุกข์มาด้วยกัน สุขมาดด้วยกัน มันก็เพียงพอที่จะเรียกคนๆนั้นที่เคียงข้างคุณได้ว่า "คนรัก" หรือ "คู่ชีวิต" แล้วนะครับ

     ตอนนี้ผมเพียงแค่ทำในแบบที่มนุษย์คนหนึ่งสมควรทำเท่านั้นคือการ "ทำในสิ่งที่ผมทำแล้วสบายใจ"

     หากแต่ถ้าทำดีขนาดนี้แล้ว เธอคนนั้นยังไม่เห็นคุณค่าและกลับมาอยู่เคียงข้างกับผมอีกครั้ง ผมคงคิดแล้วล่ะครับว่า


"เธอคนนั้นคงไม่ใช่มนุษย์"

Love And Life

     ความรักเป็นสิ่งที่อยู่เคียงคู่คนเรามายาวนาน และ แสนนาน

     ความรักเป้นสิ่งที่คนเราขาดมันไม่ได้ ถึงบางครั้งคุณอาจจะเคยปฏิเสธกับความรักมาแล้วบ้างก็ตาม

     แต่หากคุณไม่หลอกตัวเอง คุณคงรู้ว่า คุณไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากความรัก

     ผมเป็นคนหน่งที่มีความรัก และอยากจะ เผยแพร่ให้คนอื่นๆได้ รู้ถึงมุมมองความรักของผม

     บทความทุกบทความที่ผมจะเขียนอาจจะไม่ใช่บทความที่ดี หรือมีสาระอะไรมากมาย      แต่มันมาจากประสบกราณ์ ชีวิตและสิ่งที่เคยเกิดขึ้นจริงทั้งต่อตัวผม และบุลคลรอบข้าง

     บทความทุกบทความที่ผมจะตีพิมพ์ต่อจากนี้ คนที่เข้ามาดูอาจจะแค่ดูและผ่านไป หรืออาจจะจดจำไปใช้กับความรักของคุณก็ได้ อันนี้แล้วแต่จะทำ

     แต่ทุกเรื่องราวของความรักนั้นผมเพียงแค่อยากจะบอกคุณว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนๆหนึ่งได้เลย

     เพราะงั้น คิดทุกครั้งก่อนที่จะทำอะไร

     ไม่ใช่เฉพาะเรื่องความรักนะครับ

แต่เป็นทุกๆเรื่องในชีวิตของคุณ