วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ถ้ากูเกิดมาเลือกได้....

     ตอนนี้ผมทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งเป้นงานที่คนส่วนมาก ทึกทักเอาเองว่าเป็นงานที่ค่อนข้างจะไร้เกียรติ

     ย้อนกลับไปเมื่อประมาณตอนเรียน ม.ปลาย ผมเป็นเด็กที่เรียนค่อนข้างที่จะใช้ได้ คะแนนสอบได้สูง เรียนรู้เรื่อง แต่เรื่องที่เสียหายที่สุดคือ....ผมเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว

     หลักฐานคือ คะแนนเก็บจากการทำงาน หรือรายงานส่งครูแทบจะไม่มีเลยสักวิชา

     มาตอนนี้สิ่งที่ผมอยากจะกลับไปแก้ไขให้มากที่สุดคือเรื่อง "การเรียน" ของผมนี่แหล่ะครับ

     ผมเชื่อว่า ตัวผมเองในตอนนี้ถ้าไปเรียนอีกครั้งหนึ่งอย่างน้อยๆผมต้องจบมา และมีงานทำที่ดีกว่าเด็กเสิร์ฟแน่นอน ความรู้ผมอาจจะมีเท่าๆคนทั่วไป หรืออาจจมากกว่าคนอื่นๆที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ผมยังถูกมองว่าเป็นแค่คนที่ไม่มีความรู้เพราะผมจบเพียงแค่วุฒิฯ ม.6 เท่านั้น

     ทั้งๆที่จริงๆผมคิดว่าผมไม่โง่ แต่ผมเพียงแค่ไม่รู้(เพราะตอนเรียนดันไม่เรียน)

     ถึงตรงนี้ผมอยากจะบอกกับทุกๆคนที่มีโอกาสที่จะเรียนอยู่....อย่าทำตัวเหมือนผมเลยครับ ถึงผมจะไม่เคยเหลวแหลก แต่การขี้เกียจมันก็เหมือนกันการฆ่าตัวเองอย่างช้าๆ รอเวลาที่คุณจะกลายเป้นคนไร้ค่า ถึงตรงนี้สำหรับคนบางๆ การถูก "ดูถูก" เรื่องการศึกษานั้น การด่าให้ไปตายยังจะฟังเสนาะกว่าด้วยซ้ำ

      ไม่เป็นไรครับ ถึงยังไงเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่สายที่จะเริ่มต้น

      ผมเองก็เช่นกันครับ อาชีพเด็กเสิร์ฟอาจจะเป็นอาชีพที่ต่ำต้อย (ในสายตาของคนบางคน) แต่จะทำไมครับในเมื่อมันทำเงินให้ผมได้ตั้งเดือนล่ะ 9,000 ถึง 10,000 บาทต่อเดือน ผมทำงานอย่างหนักเพื่อที่สักวันหนึ่งจะผมยืนขึ้นมาได้ในสังคมที่ทุกคนยอมรับ

     และที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดคือ ผมยืนขึ้นมาได้ด้วย "ขาของตัวผมเอง"

     คนเราทุกคนเกิดมาก็มีความเลื่อมล้ำกันทางวาสนาอยู่แล้วนะครับ เหมือนที่เขาบอกว่า "แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญ แข่งวาสนานั้นแข่งกันไม่ได้"

     ครับ ยอมรับเถอะครับว่ามันจริง

     ถ้านับ หลัก 100 กิโลเมรตเป็นเส้นชัย

     คนบางคนอาจจะเริ่มต้นที่ 20 กิโลฯ  บางคนอาจจะเริ่มต้นที่ 40 กิโลฯ หรือดีไม่ดีบางคนอาจจะเริ่มที่ 60 กิโลฯ เลยก็ได้นะครับ แต่สำหรับผม ผมเริ่มต้นที่ประมาณ -40 กิโลฯ เห็นจะได้มั้งครับ

     เพื่อนๆผมบางคนอาจจะบอกว่าผมนั้นรวย (ตอนเด็กๆผมก็ค่อนข้างที่จะรวยจริงๆ) แต่นั่นมันเป็นสายตาของคนภายนอก

     ผมเกิดในครอบครัวที่พ่อติดการพนัน ติดผู้หญิง และไม่รู้จักทำมาหากิน คิดดูง่ายๆครับ หากมีลูกอยู่ 12 คน และต้องเลี้ยง ลูก 12 คน (กับเมียอีก4) ให้เติบโตได้ มันต้องใช้เงินสักเท่าไหร่

     ตลอดมาผมซึ่งทางพ่อแม่มองว่าผมเป็นคนดูแลตัวเองได้ตลอดเวลา พวกท่านเลยไม่ค่อยที่จะ เอาใจใส่ผมเท่าที่ควร ยกเว้นเรื่องการส่งเสียด้านการเรียน (ซึ่งผมดันไม่เรียนเอง) เลยทำให้ท่านให้ผมได้ไม่มากเท่ากับให้คนอื่นๆ ซึ่งเหตผลอันนี้ผมก็เข้าใจ และไม่เคยคิกจะมา พิรี้พิไร เลยสักครั้ง

     นั่นยิ่งดีไปใหญ่ เพราะวันหนึ่งผมจะภูมิมากหากผมยืนขึ้นได้ด้วยขาตัวเอง ภูมิใจมากกว่าคนที่เกิดมาแล้วเริ่มต้นที่ 20 , 30 หรือ 40 กิโลเมรต และผมเชื่อว่าสักววันหนึ่งผมต้องยืนขึ้นด้วยขาตัวเองได้

     ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน ต่อให้ลำบากอย่างไร และต่อให้ต้องล้มอีกกี่ครั้ง ถูกคนรอบข้างดูถูกอีกกี่ครั้ง ผมก็จะไปให้ถึง หลักร้อยกิโลเมรตให้ได้

     ว่าแล้วผมนึกถึงวลีๆหนึ่งที่ผมมักได้ยินบ่อยๆทั้งตอนเป็นเด็ก และตอนนี้นั่นคือ "คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้"

     ครับ ใช่ครับ เลือกที่จะเป็นได้ แต่สำหรับผม มันไม่จริงทั้งหมด

     สำหรับผมแล้ว คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้


"ถ้าคุณมีความพยายาม"



อย่าให้ความขี้เกียจของคุณในตอนนี้ทำลายอนาคตทั้งหมดของคุณเลยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น