วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

เมื่อมันมีมากไปมันก็เริ่มจะกลายเป็นความ "น่าเบื่อ"

  
      "กฎเกณฑ์" คำคำนี้มีความหมายตามพจณานุกรมของไทยอย่างไรอันนี้ผมเองก็มิอาจจะทราบได้อย่างลึกซึ้ง แต่ในทางกลับกัน ผมมีความรู้ ความเข้าใจ และฉลาดพอที่จะรู้ว่า "กฎเกณฑ์" เป็นอะไรที่ คนแทบจะทุกคนควรจะพึง "ปฏิบัติ" ตามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

     หากใคร ผู้ใด หรือหน่วยงานไหน ไม่สามารถประพฤติตนให้อยู่ในกฎเกณฑ์ที่ดีได้ ผู้นั้นควรได้รับการลงโทษตามที่ได้ระบุไว้ในข้อบังคับนั้นๆ

     ครับ....กฎเกณฑ์ ของหน่วยงาน หรือองกรค์ใดก็แล้วแต่ มันไม่แตกต่างกับ กฎหมายของประเทศ ที่เราต้อง ประพฤติ ปฏิบัติ ตามกันอย่างเคร่งครัดเลยนะครับ ยิ่งถ้าคุณได้มีโอกาสทำงานใน องกรค์ หรือ บริษัทใหญ่ๆ คุณจะรู้โดยทันทีเลยว่า กฎเกณฑ์ ของพวกเขาเป็นอะไรที่ "แตะต้องไม่ได้" โดยเด็ดขาด

     ว่าง่ายๆคือ ห้าม "แหกกฎ" นั่นเอง

     ครับ....และเพราะมีกฎเกณฑ์ ที่เข้มงวดและเข้มแข็ง ราวกับ "มนุษย์เหล็กไหล" แบบนี้นี่เอง จึงทำให้องกรค์เหล่านี้ประสบความสำเร็จมามากมายต่างๆนาๆ บางองกรค์ถึงกับไปได้ไกลระดับประเทศเลยทีเดียว

     พื้นฐานมันเริ่มต้นมากคำว่า "รักษากฎเกณฑ์" นี่ล่ะครับ

     ......

     ......

     ......อันนี้จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากจะเถียงหรอกนะครับ เพราะผมเองไม่ว่าจะเข้าทำงานที่ไหน ก็มักจะรักษากฎเกณฑ์ ของที่ทำงานนั้นอยู่ เสมอๆ (ถึงกฎบางอย่างผมจะทำไม่ได้สมบูรณ์แบบก็เถอะ)

     และเพราะรักษากฎเกณฑ์เหล่านี้เอาไว้จึงทำให้ผมทำงานได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวใครจะมา จับผิด หรือ เอาผิด ผมได้อย่างเด็ดขาด (ก็กรูทำตามกฎทุกอย่างแล้วอ่ะ มรึงจะทำอะไรกรูได้? ฮะฮะฮ่า)

     แต่เคยลองสังเกตุกันมั๊ยครับว่า ทำไม บริษัทใหญ่ๆทั่วทุกแหงหัวมุม ต่างต้องตั้งกฎเกณฑ์ ที่มันมากมายและปรพฤติ ปฏิบัติ ตามยากเหลือเกิน      ท่านผู้อ่านเคยสังเกตุกันบ้างหรือเปล่าครับ?

     ผมเองจริงๆแล้วก็ไม่เคยสังเกตุหรอกนะครับ แต่เผอิญมีรุ่นพี่ผมคนหนึ่งดันมาบอกว่าทำไมเขาถึงมักชอบที่จะตั้งกฎให้มัน แรงๆ แข็งๆ ปฏิบัติตามได้ยากนัก (ทั้งๆที่ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้อยากรู้ แต่เมื่อรู้แล้วมันก็ถือเป็น "ความรู้รอบเอวไปซะก็ได้)

     แกบอกอย่างงี้ครับ...

     "ไอบอล เอ็งรูรึเปล่าวว่าทำไม พวก บริษัท พวกนี้เขาชอบตั้งกฎให้มันมากเรื่อง จุกจิกจู้จี้ ทั้งๆที่บางเรื่อง มันก็ไม่จำเป็นต้องตั้งก็ได้ เอง็รมั๊ยว่าทำไม?"

     !?!?!?!?
    
     ผมส่ายหน้าราวกับ "ควายงง" ก่อนที่จะถามกลับไปว่า "ทำไมเหรอพี่....." (ขออณุญาติสงวนนามนะครับ)

     "ไอโง่ ก็เพราะเวลาที่เอ็งแหกกฎน่ะ มันจะได้หย่อนลงมาแค่นึดเดียวไง เอ็งลองคิดดูถ้าหากเอ็งตั้งกฎหย่อนๆ แล้วเวลาที่มีคน แหกกฎ มันก็จะยิ่งหย่อนลงไปอีกน่ะสิ ไอควาย แต่ถ้าเองตั้งกฎให้ ตึงๆ เข้าไว้ พอเวลามีคนมาแหกฎก มันก็จะได้ไม่หย่อนมากจนน่าเกลียดยังไงล่ะ เข้าใจมั๊ย?"

     "อ๋อ...ว่าง่ายๆคือ กฎที่เขาตั้งมาแข็งๆน่ะ เพราะเพื่อที่จะรองรับว่าเวลามีคนแหกฎก มันจะได้ไม่หย่อนจนเกิดไปใช่มั๊ยครับ พี่...."

     "เออ....แบบนั้นล่ะไอน้อง" พี่คนที่เรียกผมทั้ง "ไอโง่และไอควาย" พูดตบท้ายเอาไว้ครับ

     ไม่รู้ว่าที่แกพูดมามันจะเป็นเรื่องจริงรึเปล่านะครับ เพราะตัวผมเองส่วนมากก็จะคบอยู๋กับคนที่ไม่ค่อยจะมี "สาระ" อะไรให้น่าเชื่อถือได้อยู่แล้ว ฮะฮะฮ่า (ล้อเล่นนะ☺☺)

     แต่ที่ผมรู้ได้ก็มีอยู่อย่างหนึ่งล่ะครับ นั่นคือ ตลอดเวลาไม่ว่าผมทำงานที่ไหน งานอะไร งานกับองกรค์ขนาดไหนก็แล้วแต่    ผมไม่เคยปฏิบัติ ตามกฎเกณฑ์ ขององกรค์นั้นๆได้หมดทุกข้อเลยครับ แต่ในทางกลับกัน ผมจะ "ทำให้ดีที่สุด" ไม่ใช่ "ทำให้ถูกที่สุด" ตามความคิดของตัวผมเอง

     สิ่งไหนที่ผมทำแล้ว "สบายใจ" ผมก็จะทำ แต่สิ่งไหนหรือกฎข้อไหนที่ผมทำแล้วผมไม่สบายใจ ไม่ได้หมายความว่าผมจะแหกกฎ นะครับ แต่ผมก็จะเลี่ยงให้ผมไม่ต้อง แหกกฎ ข้อนั้นให้ได้มากที่สุด หากถึงที่สุดแล้วต้องเจอกับมันจริงๆผมก็จะ "แหกแบบนุ่มนวล" ที่สุดเท่าที่จะทำได้

     ครับ กฎบางข้อ เราอาจจะทำผิดจริง แต่เราเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพราะงั้น "บางที" กรุณา ถามนิดนึงครับว่าทำไมพวกเราถึงเลือกที่จะ "กระทำ" อะไรที่มันต้องกลายเป็นการแหกกฎ และหากถ้ามันฟังไม่ขึ้นในสายตาของคนหมู่มาก ก็เชิญลงโทษได้ตามสบายเลยครับ

     หากเราทำผิดกฎหมายแล้วถูกจับส่งเข้าคุก โดยที่ไม่ได้ "แก้ต่าง" หรือ "แก้ตัว" อะไรเลย พวกเราจะมี "ศาลอุทรณ์" ไว้ทำพระแสงเลเซอร์ อะไรมิทราบครับ  เหมือนกันครับ ถามสักนิดนึงก็ได้ครับ

     จะถามว่า "ทำไมพวกมรึงต้องแหกกฎกันด้วยเคอะ?" แบบนี้ก็ไม่เป็นไรครับ มันยังดีกว่าการที่จะยัดเยียดในสิ่งที่เรา "ทำผิดจริง" แต่เราเองไม่มีโอกาสได้บอก "ความจริง" ไปซะเฉยๆอย่างนั้นนะครับ

     และถ้าหาก เหตผลของพวกกรู เอ้ย...พวกเราฟังดูดี สมเหตุสมผล หรือพูดง่ายๆคือ "ฟังขึ้น" การที่จะให้อภัยพวกเรามันก็คงจะไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรไม่ใช่หรอกเหรอครับ?

     หากกฎเกณฑ์ เปรียบเหมือน กฎหมายของประเทศ มันก็ต้องมีการให้อภัยกันบ้างตามความเหมาะสม เหมือนที่พวกเรายึดถือมาตลอดไงครับ กับประโยคที่ว่า "พ่อปกครองลูก"

     ลงโทษได้ ถ้าเราทำผิดและไม่มีข้อแก้ตัวที่ดีพอ เชิญลงโทษเลยครับ แต่ไม่ใช่ว่า อะไรนิดก็ "ผิดกฎ" อะไรหน่อยก็ "ผิดเกณฑ์" แบบนี้ก็ไม้ต้องกระดิกกันพอดีสิครับ............

     สมมุติ นะครับ สมมุติ

     ว่าถ้าผมทำงานอยู่ในโรงแรม ระดับเดียวกับไก่ย่าง (5ดาว) ที่เขาไม่ "อณุญาติ" ให้ใช้ห้องน้ำที่เอาไว้รองรับแขกผู้มาพัก ที่เผอิญห้องน้ำที่ว่านั้น ดันอยู่ชั้นเดียวกับที่ผมทำงาน ส่วนห้องน้ำของ พนักงาน ถ้าจะไปใช้นั้น ต้องลงบันใด ไปประมาณ 5 ชั้น ถึงจะเจอห้องน้ำพนักงาน

     และถ้าเผอิญออีกเหมือนกันครับว่า ตอนนั้นผม "ปวดขี้" ชนิดที่ว่า กรูไม่ไหวแล้วว์~~~~ โดยต้องใช้ สุขาโดยเร็วที่สุด  ตอนนั้นเองผมจึงรีบวิ่งปรู๊ด หายเข้าไปในห้องน้ำลูกค้า สักประมาณ 15 นาที (เอ่อ ผมเป็นคนขี้นานน่ะครับ) ก่อนจะออกมาใน Version โล่งตูด

     ผมเชื่อล้านเปอร์เซ็นครับว่า ถ้าหากมีหัวหน้าระดับบิ๊กๆมาเห็นผมวิ่งออกมาจากห้องสุขาของลูกค้าแล้ว พวกท่านต้องต่าว่าผมแน่นอนว่า "ผมบอกคุณแล้วใช่มั๊ยว่าห้าใช้ห้องสุขาของลูกค้า"

     หรือไม่ก็อาจจะถามก่อนว่า "ทำไมถึงใช้ห้องน้ำของลูกค้าคะ/ครับ คุณพนักงานสุดหล่อ?" แต่พอเอาเข้าจริงเราพูดอะไรไปพี่แกก็ไม่ยอมฟังท่าเดียวเลย หาเหตผลนู่นนี่มาอ้างตลอดเวลา จนมันน่าเบื่อ

     ถามเหตผลแล้วต้องฟังเหตผลด้วยสิครับ ถ้า ไม่งั้นจะถามหาพระบิดาคุณหรือไงมิทราบ

     หรือจะให้ผม "อั้นขี้" จนต้องขี้รดหัวลูกค้าก่อนจึงจะอณุญาติให้ผมเข้าไปขี้ในที่ที่มันใกล้ๆ ไม่ใช่ที่ที่มันไกลๆ ได้

     (เรื่องที่กล่าวมาเป็นเรื่องสมมุตินะครับ อย่าคิดว่ามันเกิดขึ้นจริงเป็นอันขาด)

     คุณรู้มั๊ยครับว่า หากคุณ เคร่งอยู่กับกฎเกณฑ์ มากไป มันจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่ "เรื่องมาก" และ "มากเรื่อง" โดยไม่รู้ตัวนะครับ ถึงแม้คุณจะถูกฝึกมาอย่างไร แต่การมาอยู่รวมกันกับกลุ่มคนที่เขาอยู่รวมกันมาก่อน หรือ อยู่กันมาก่อนหน้าเรา คุณต้องเป็นคนที่ไม่ "ใจแคบ" และไม่ "เรื่องมาก" ด้วยนะครับ ไม่งั้นมันจะอยู่กับคนอื่นเขาได้เหรอครับ? ไม่มีใครหรอกครับ อยากอยู่กับคนในแบบที่ผมกล่าวมา

     พอเถอะครับ อย่างเคร่งอยู๋กับกฎจนทำให้ทุกอย่างมัน มากเรื่อง และกลายเป็นความ "น่าเบื่อ" ไปเลยครับ
     ทำอะไรอย่าให้มันตรงเกินไป ไม่งั้นคุณจะได้รับรู้ "รสชาติอีกด้านหนึ่งของชีวิต" เหรอ? ว่ามันเป็นอย่างไร ในเมื่อวันๆคุณมัวแต่ทำตัวน่าเบื่อจนเพื่อนๆเขานินทากันน่ะ

     มันเหมือนกับที่ ผมเคยบอกกับแม่ไว้ตอนเด็กๆนนั่นแหล่ะครับ

     แม่ผมเป็นคนที่ชอบตั้งกฎเกณฑ์ เยอะแยะมากมายจนบางทีมันก็น่ารำคาญ (จริงๆแล้วเพราะท่านเป็นห่วงผม)

     ผมเนื่องจากแหกกฎของแม่อยู่บ่อยๆ แม่ผมเลยชอบ บ่น (บวกด่า) อยู่เป็นประจำว่า "ทำไมถึงได้ทำตัวเหลวไหลอย่างนี้"

     ผมแสะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับไปตอบกับแม่ว่า



นี่แหล่ะ "รสชาติของชีวิต" ฮ่าฮ่าฮ่า

........................................................................................................................................................


เราพร้อมจะทำตาม แต่อย่าให้มันมาทำให้การทำงานของเราน่าเบื่อเลยครับ relax ซะบ้าง

..............................................................................................................................................................


บทความนี้ผมไม่ได้พากพิงถึงบุคคลใดๆทั้งสิ้น ขอโปรดทำความเข้าใจมานะที่นี้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น